…”สร้างสังคมมีสติ ห่างไกลพฤติกรรมเลียนแบบ เพื่อความสงบสุขกลับคืนสู่บ้านเมือง...”
ยังอยู่ในบรรยากาศที่ทุกฝ่ายต้องหันกลับมาทบทวนบทเรียน จากเหตุคนร้ายกราดยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากที่จ.นครราชสีมา
ประจักษ์ชัด คือ ภาวะสังคมปัจจุบัน เต็มไปด้วยการสะสมความเครียด เครียดจากการถูกกลั่นแกล้งไม่ได้รับความเป็นธรรม เครียดพิษภัยทางเศรษฐกิจ เครียดจากปัญหาทางการเมือง
สารพัดความเครียดได้รับการถ่ายทอดผ่านเครื่องมือสื่อสารอันเป็นเครื่องมือสำคัญของมนุษย์ในโลกยุคใหม่ มีการแสดงออกมาในทางความคิดเห็น รวมไปถึงการแสดงตัวตนให้สังคมได้เห็นเป็นแบบอย่าง ให้สังคมยอมรับ
ทว่าหากการถ่ายทอดออกมาในทางให้สติ ให้ข้อคิด สร้างศีลธรรมอันดีกลับคืนมาก็ควรสนับสนุน แต่เมื่อเลือกแสดงออกมาในทางด้านมืด ย่อมนำไปสู่หายนะมานักต่อนัก
นี่จึงเป็นภัยยุคใหม่ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องปรับตัวทำงาน พร้อมรับมือเร่งแก้ไขสถานการณ์อย่างทันท่วงที
…ความรุนแรงในสังคม ที่มาจากการใช้อาวุธเป็นเครื่องมือตัดสิน มักมีเสียงผู้คนดังขึ้นมาทุกครั้ง “ทำไมอาวุธปืน ถึงหากันมาครอบครองได้ง่ายจัง” ตามด้วย “คนร้ายที่ก่อคดีร้ายแรงทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตต้องได้รับโทษประหาร” เหมือนจะเป็นเสียงล่องลอยมาตามลมแล้วจากไป เพราะไม่เห็นหน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรมจะลุกขึ้นมาเป็นตัวตั้งตัวตีจัดหารือปัดฝุ่นการปฏิรูปกฎหมายให้มีประสิทธิภาพระดับเข้มข้นให้ทันต่อสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่ามัวแต่เกรงใจองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างประเทศ
…ถ้อยแถลง” บิ๊กแดง “ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ “ผู้บัญชาการทหารบก ออกมากล่าวขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทำนองว่า “อย่าด่ากองทัพ กองทัพไม่มีความรู้สึก ถ้าจะด่าจะตำหนิให้มาด่า พล.อ.อภิรัชต์ พร้อมน้อมรับคำตำหนิการแสดงความคิดเห็นทุกอย่าง ท่านมาด่าผม เพราะผมเป็นผู้บัญชาการทหารบก “ จึงเป็นที่มาในการปรับปรุงองค์กรอีกครั้งด้วยการเปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนโดยตรง อะไรที่แสดงถึงความไม่เป็นธรรมกรุณาต่อสายตรงถึง”ผบ.ทบ.”
…คำประกาศลั่น จะจัดระเบียบภายในกองทัพบกให้เห็นผลภายใน 3 เดือนนับจากนี้ ถือเป็นบทพิสูจน์ผลงานในช่วงเวลาก่อนเกษียณอายุราชการ เป็นความชัดเจนในการสร้างกองทัพอย่างแท้จริงในการปกป้องมาตุภูมิประเทศชาติมากกว่านำแบรนด์กองทัพไปทำธุรกิจหาประโยชน์ ก็มาได้เห็นได้สัมผัสอีกครั้งหลังเหตุการณ์ร้ายแรงที่โคราชนี่เอง หากไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงกองทัพจะได้ปฏิรูปหรือไม่
…กระนั้น สดับตรับฟัง “บิ๊กแดง” ประกาศไล่รื้อธุรกิจเป้าหมาย บางเรื่องเป็นเรื่องที่กองทัพทำไปแล้ว เพียงแต่ไม่เป็นข่าว อย่างเช่น การคืนที่ราชพัสดุให้คลังหารายได้ โดยพบว่า ทหารถือครองที่ราชพัสดุ 7 ล้านไร่ ยกเลิกสโมสรฟุตบอลอาร์มียูไนเต็ด ยกเลิกจัดซื้อปืนสวัสดิการ เงินกู้สวัสดิการ บ้านสวัสดิการ ต้องมีความเป็นธรรมไม่หักหัวคิด แต่ที่เพิ่มเติมจนกลายเป็นประเด็นโยงการเมืองไปได้ เห็นจะเป็นกรณี ทหารเกษียณต้องออกจากบ้านพัก
…กรณีนายทหารเกษียณอายุราชการต้องออกจากบ้านพักในค่ายทหาร ต้องขอยกรักแร้เชียร์ด้วยอีกคน แต่อย่างว่า ทันทีที่มีข้อเสนอนี้ออกมา บรรดานักการเมืองสไตล์คิดอะไรก็เป็นเรื่องการเมืองไปหมด ตั้งข้อสงสัยขึ้นมาทันควัน ทำไม 3 ป. ถึงไม่ย้ายออกจากบ้านพักทหาร เฮ้อ! คิดกันได้แค่นี้เอง นักการเมืองไทย
… หลักเกณฑ์รับรู้กันแต่ไหนแต่ไร อดีตนายทหารผู้สร้างคุณประโยชน์ให้ประเทศสามารถอยู่บ้านพักนั้นได้ อีกประการ เมื่อไม่มีตำแหน่งต้องขนย้ายข้าวของออกอยู่แล้วที่ผ่านมาบิ๊กทหารหลายรายดำเนินการแบบนี้มาตลอด ไม่น่าจะเข้าใจยาก เว้นเสียแต่จ้องหาทุกเรื่องมาดิสเครดิตตามสไตล์ถนัด
… อยากให้มองบรรดาธุรกิจสีเขียวและสีเทามากกว่า เพราะนั่นคือหนึ่งในคำสั่งของ”บิ๊กแดง” ต้องการไล่รื้อให้หมดสิ้น
…อสนีบาต…จับจ้องติดตามดูฝีมือผบ.ทบ. จะจัดการได้สักกี่น้ำ เบื้องต้นเจ้ากรมสวัสดิการทหารบกรายงานเกี่ยวกับธุรกิจในค่ายทหารให้กับผบ.ทบ. รับทราบ พบข้อมูลกองทัพทุกภาค มีธุรกิจในค่ายทหารที่จะต้องบูรณาการเป็นเชิงพาณิชย์รวมประมาณกว่า 40 แห่ง
… ส่วนข้อมูลที่ท่านเจ้ากรมฯไม่ได้รายงานแต่…อสนีบาต… ขอรายงานเอง นั่นคือ บรรดาธุรกิจสีเทานอกค่ายทหาร ซึ่งมี”นาย”ทั้งหลายครอบครองมาช้านาน สถานบริการ ผับบาร์ แม้แต่ตลาดสด วินมอเตอร์ไซค์ ฯลฯ มีการส่งมอบมรดกกันรุ่นสู่รุ่น ผลประโยชน์มหาศาล
งานนี้ ถ้าไม่ปากว่าตาขยิบ ไม่ต้องเกรงใจความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง การขจัดมาเฟียมีสีคงได้ผลกระมัง ทำได้ ให้ชนะเลิศเลย … สาธุ สาธุ